เรามาเริ่มทำความรู้จักกันเลยครับ
ขั้นแรกจะมาดูกันว่า Aerodynamic หมายความว่าอะไร
Aerodynmic ในที่นี้ หมายถึง รูปทรงต่างๆของรถยนต์ที่มีผลต่อ
ความสามารถในการลดแรงเสียดทานอากาศ จาก
1.แรงปะทะ( Air pressure )
2.แรงฉุด ( Drag )
โดยมีประสิทธิภาพขึ้นกับรูปร่างของรถยนต์
โดย Air pressure และ Drag นั้น จะมีผลในการชุดรั้งไม่ให้รถของเราเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้สะดวก เนื่องจากขณะที่เรากำลังขับรถ เราขับมันผ่านอากาศ ซึ่งอากาศเหล่านี้สร้างแรงเสียดทานมหาศาล
ผลกระทบหลัก 1.เปลืองน้ำมัน
2.สูญเสียความเร็ว
3.รถยึดเกาะถนนไม่ดีในความเร็วสูง เนื่องจาก
แรงยกจากอากาศไหลผ่าน
ในตอนนี้เพื่อนๆก็พอจะได้ความรู้พื้นฐานกันไปแล้วนะครับว่า Aerodynamic คืออะไร สร้างมาเพื่ออะไร
ในปัจจุบันมีตัวช่วยมากมายในการลดแรงเสียดทานอากาศที่ว่านี้
ก็คือ การออกแบบเรียวๆ เป็นมลโค้งๆ รูปทรงโฉบเฉี่ยว เพื่อประหยัดพลังงาน และเร่งความเร็วได้สูงสุด อีกทั้งรถบางประเภทยังมี
Wing ท้าย ช่วยในการยึกเกาะถนนในความเร็วสูงๆ ช่วยให้รถไม่ลอยเพราะ Wing เมื่ออากาศไหลผ่าน อากาศปะทะเข้ากับแผ่น wing และสะท้อนขึ้น เสมือนมีแรงมากดลงบริเวณท้ายรถ ทำให้รถติดอยู่กับถนนนั่นเอง
โอเคครับต่อมาจะมาดูวิวัฒนาการการออกแบบรถยนต์กันโดยเริ่มตั้งแต่ ปี คศ. 1900 - 2017
คศ.1900
เห็นชัดว่าสมัยนี้ยังไม่มีใครนึกถึง แรงต้านอากาศที่ส่งผลตัวรถสักเท่าไหร่
คศ.1930
เป็น 30 ปีที่มีพัฒนาการรวดเร็วมากในด้านประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ และระบบส่งกำลัง แต่ยังคงไม่นึกถึง Aerodynamic
คศ. 1960
เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงค่อยข้างชัดเจนในเรื่อง Aerodynaic
สังเกตุว่ามีรูปร่าง ทรงมลขึ้น บริเวณด้านหน้ารถ
คศ. 1980
เป็น 20 ปี การก้าวกระโดดของการออกแบบรูปทรงทางวิศวกรรม
มีการคำนึงถึง Aerodynamic อย่างเต็มเปี่ยม
คศ. 2017
สมัยปัจุบันของเราเองนะครับ สมัยนี้ไม่ว่ารถจะถูก จะแพงแค่ไหน
รถทุกแบรนด์จะคำนึงถึง Aerodynaimic เว้นแต่ รถแทรกเตอร์ haha
แถม hahaha
ถ้าชอบข่าวแนวนี้ อย่าลืมเข้าไปอ่านกันเพิ่มเติมใน หมวดหมู่
ความรู้ทั่วไป นะครับ
ConversionConversion EmoticonEmoticon